วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โทษของการดื่มสุรา






แอลกอฮอล์นั้น นักเคมีเรียก ethyl alcohol หรือ ethanol (CH3CH2OH) แอลกอฮอล์ธรรมชาติเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลงเหลือจากการหมัก มนุษย์เรารู้จักแอลกอฮอล์มานานนับพันปีแล้ว ในรูปแบบของเหล้าองุ่น เบียร์ และนํ้าผึ้ง ในสมัยคริสต์ศตวรรษ ที่ 16 นักกายวิภาคศาสตร์ชื่อ Vesalius ได้ตรวจพบว่า คนที่ดื่มแอลกอฮอล์มากมักจะเป็นโรคร้ายนานาชนิดที่สําคัญๆ ได้แก่ โรคตับวาย เป็นต้น

คนติด สรุายาเมามักจะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย
มะเร็งกระเพาะ ตับแข็งและเส้นเลือดในสมองแตก คนขับรถที่เมามักจะขาดพลังควบคุมสติสัมปชัญญะ ทําให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หญิงมีครรภ์ที่ดื่มแอลกอฮอล์จะแท้งลูกในท้อง หรือหากไม่แท้งทารกที่คลอดออกมาจะมีร่างกายและสติปัญญาที่บกพร่อง

ภัยอันตรายทั้งหลายเหล่านี้ทําให้แพทย์สรุปได้ว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสําคัญอันดับสองรองจากบุหรี่ที่ทําให้คนเราเสียชีวิตก่อนถึง
เวลาอันควร

งานวิจัยของ Pakhen Erg แห่ง Neurological Research Laboratory ที่เดนมาร์ก ฉบับที่ตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ประจําเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 ได้ชี้ให้เห็นว่า แอลกอฮอล์มิได้ฆ่าหรือทําลายเซลล์ประสาทในสมองแต่อย่างใด มันเพียงแต่ทําให้เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทเหล่านั้นเสื่อมสมรรถภาพเท่านั้นเอง เขาพบ
ว่า จํานวนเซลล์เนื้อเยื่อในสมองของคนติดเหล้าจะน้อยกว่าจํานวนเซลล์เนื้อเยื่อในสมองของคนไม่กินเหล้า 11%
และในสมองส่วนที่ทําหน้าที่จํานั้น จํานวนเซลล์เนื้อเยื่อสมองของคนติดเหล้าน้อยกว่าของคนที่ไม่ติดเหล้า 80%
กลไกการออกฤทธิ์ต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
การออกฤทธิ์ของสุรา คนส่วนมากมักเข้าใจผิดว่าสุรานั้นจะออกฤทธิ์ต่อร่างกายเมื่อถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วมันออกฤทธ์ทำลายตั้งแต่อวัยวะแรกที่สำผัสจนตลอดตามเส้นทางเดินของ
สุราที่ผ่านเข้ามาในร่างกาย ซึ่งสามารถอธิบายตามลำดับขั้นตอนได้ดังต่อไปนี้

1.ปากและลำคอ
เมื่อสุราเข้าปากและลำคอจะไปออกฤทธิ์ต่อผิวอวัยวะภายในช่องปากทำให้เกิดการระคายเคืองชิ้นเยื่อบุที่ละเอียดอ่อนในปากและหลอดอาหาร มักมีอาการร้อนซู่เมื่อผ่านลงไป

2.กระเพาะอาหารและลำไส้ สุราเมื่อผ่านลงสู่กระเพาะจะมีผลกับผนังชั้นนอกสุดที่เป็นชั้นที่จะปกป้องกระเพาะอาหาร จะทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก ถ้าอาการเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
เกิดอาการอักเสบของเยื่อบุชั้นในสุดของผนังหรือกระเพาะอาหารหรืออาจทะลุลำไส้เล็กได้ นอกจากนั้นสุรายังเป็นอุปสรรคกับการดูดซึมอาหารบางชนิด เช่น วิตามินB1, กรดโฟลิก ,ไขมัน วิตามินบี6,วิตามินบี 12 และกรดอะมิโนต่าง ๆ
3.กระแสเลือด ร้อยละ95 ของสุราที่เข้าสู่ในร่างกาย จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด โดยผ่านเยื่อบุในกระเพาะอาหาร และลำไส้ส่วนดูโอดีนั่มอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงกระแสเลือดจะเข้าไปในเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ
ในร่างกายอย่างรวดเร็ว แอลกอฮอล์ทำให้เซลล์ของเลือดเกาะเป็นก้อนเหนียว การไหลเวียนจึงช้าลง และปริมาณออกซิเจนลดต่ำลงด้วย สุราทำให้โลหิตจาง โดยจะไปลดการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้ความเม็ดเลือดขาวทำลายแบคทีเรียช้าลง และทำให้การแข็งตัวของเกล็ดเลือดช้าลงด้วย

4. ตับอ่อน แอลกอฮอล์จะทำให้เซลล์ของตับอ่อนระคายเคือง และบวมขึ้น สุราทำให้การไหลของน้ำย่อยไม่สามารถที่จะเข้าไปในลำไส้เล็กได้ ทำให้น้ำย่อยย่อยตัวตับอ่อนเอง ทำให้เกิดเลือดออกอย่าง
เฉียบพลันและการอักเสบของตับอ่อน พบว่า 1ใน5 จะเสียชีวิตไปในครั้งแรก เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับตับอ่อน การสร้างอินซูลินขาดหายไป และทำให้เป็นเบาหวานในที่สุด

5. ตับ แอลกอฮอล์มีอิทธิพลต่อเซลล์ของตับ ทำให้เกิดการบวม ทำให้น้ำดีซึมผ่านไปทั่วตับ เป็นเหตุให้ตัวเหลือง รวมทั้งส่วนขอบตาและผิวหนังเป็นสีเหลืองด้วย ทุกครั้งที่ดื่มสุรานั้น เซลล์ของตับจะถูก
ทำลายเป็นผลให้ตับแข็ง การเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับมีถึง 8 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มสุรา
6. หัวใจ แอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อของหัวใจบวม ทำให้เกิดเป็นพิษกับหัวใจมีการสะสมของไขมันมากขึ้น และทำให้การเผาผลาญช้าลงไปด้วย

7. กระเพาะปัสสาวะและไต แอลกอฮอล์ทำให้เยื่อบุของกระเพาะปัสสาวะบวม ทำให้ไม่สามารถยืดได้ตามปกติ การระคายเคืองของไตทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น

8. ต่อมเพศ ต่อมอัณฑะจะบวม ทำให้ความสามารถทางเพศลดลง

9. สมอง เป็นอวัยวะที่ไวต่อฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ซึ่งเห็นได้ชัดเจน ก่อให้เกิดพิษแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง

9.1 พิษแบบเฉียบพลัน ได้แก่ Alcoholic intoxication แบ่งออกเป็นพิษในระดับมากน้อยแตกต่างกันไป ตามระดับของแอลกอฮอล์ในเลือดดังนี้
ระดับแอลกอฮอล์ (มิลลิกรัม/100มิลลิลิตร)
30 mg% - ทำให้เกิดการสนุกสนานร่าเริง
50 mg% - เสียการควบคุมการเคลื่อนไหว
100 mg% - แสดงอาการเมาให้เห็น เดินไม่ตรงทาง
200 mg% - เกิดอาการสับสน
300 mg% - เกิดอาการง่วงซึม
400 mg% - เกิดอาการสลบ และอาจถึงแก่ชีวิตได้
9.2 พิษเรื้อรัง
แอลกอฮอล์มีพิษโดยตรงต่อสมอง ทำให้เซลล์สมองเสื่อม ในผู้ติดสุราพบว่ามีการฝ่อลีบของสมองส่วนคอร์เทกซ์ ซึ่งจะมีผลต่อการเสื่อมทางจิตด้วยหลายประการ เช่น ขาดความรับผิดชอบ ความจำเสื่อม เมื่อเป็นมากเกิดประสาทหลอน หูแว่ว หลงผิด หวาดระแวง คลุ้มคลั่ง และแอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาท โดยกดศูนย์ควบคุมระบบต่าง ๆ เช่นกดศูนย์หายใจและศูนย์ควบคุมการไหลเวียนของโลหิตในสมอง ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

ที่มาhttp://www.classifiedthai.com/content.php?article=7635

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

 

วิธีทำ ผัดกระเพราหมูสับ

เมื่อพูดถึง ผัดกระเพราะ คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักใช่ไหมล่ะค่ะ แม้ว่าหลาย ๆ คนจะพูดติดปากเวลาสั่ง ผัดกระเพราะ ทานว่าเป็น อาหารสิ้นคิดก็ตามที แต่หารู้ไม่ว่า ผัดกระเพรา นั่นอร่อยแค่ไหนถึงได้ต้องสั่งทานกันเป็นประจำ แต่วันนี้เราก็มีสูตรผัดกระเพราหมูสับมาฝากกันด้วยนะค่ะ เพื่อให้คนที่อยากจะลองทำ ผัดกระเพราหมูสับ กินเองที่บ้านได้อย่างง่ายดายค่ะ นั้นเราก็มาดูเครื่องปรุงรสผัดกระเพราหมูสับกันได้เลยพร้อมกับขั้นตอนและวิธีทำผัดกระเพราหมูสับกันค่ะ




เครื่องปรุงรส ผัดกระเพราหมูสับ


พริกขี้หนูแดง 5 เมล็ด
กระเทียม 7 กรีบใหญ่
หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
ใบกระเพรา 1 กำมือ
เนื้อหมูสับ 1 ขีด หรือ 1000 กรัม
เนื้อหมูชิ้น 1/2 ขีด หรือ 500 กรัม
น้ำมันพืช 1 ทัพพี
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทรายขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่าสะอาด 1/2 ทัพพี


วิธีทำและขั้นตอน ผัดกระเพราหมูสับ


- ขั้นตอนแรก ให้นำพริกขี้หนูแดงและกระเทียมปลอกเปลือกตำรวมกันพอละเอียดแบบหยาบ จากนั้นให้หั่นหัวหอมใหญ่ครึ่งหัวตามยาวและเด็ดใบกระเพราให้ได้ 1 กำมือแล้วล้างไว้

- ขั้นตอนที่สอง ให้ตั้งกระทะให้ร้อนใช้ไฟปานกลางใส่น้ำมันพืชที่เตรียมไว้ จากนั้นตามด้วยพริกขี้หนูแดงและกระเทียมที่ตำรวมกันไว้แล้วเทลงในกระทะทั้งหมดผัดสองทีแล้วตามด้วยเนื้อหมูสับและเนื้อหมูชิ้นที่เตรียมไว้ (หากไม่ใส่เนื้อหมูชิ้นให้ใช้เนื้อหมูสับ 1 ขีดครึ่ง ที่ใส่เนื้อหมูชิ้นด้วยเพื่อจะช่วยเพิ่มสีสันให้น่ารักประทานมากยิ่งขึ้น) จากนั้นผัดหมูให้พอเริ่มสุกใสหอมหัวใหญ่ผัดสองทีแล้วเริ่มปรุงรสด้วยซอสน้ำมันหอย ซอสปรุงรส ซีอิ๊วดำ น้ำตาลทรายขาว แล้วผัดให้เค้ากันจากนั้นใสน้ำเปล่าสักเล็กน้อยหรือก็คือครึ่งทัพพีนั่นเองค่ะ จากนั่นผัดต่อให้สุกและเค้ากันดีปิดไฟยกลงจากเตาจัดใส่จานเป็นอันเรียบร้อยแล้วค่ะ

ที่มา   http://www.n3k.in.th/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%9A